Privacy Notice for Building and Car Park Visitors

                                            คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของผู้เข้ามาในอาคารและสถานที่จอดรถ

                                                       (Privacy Notice for Building and Car Park Visitors)

บริษัท ธนิยะ จำกัด และกลุ่มบริษัทธนิยะ ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “บริษัท” ตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ภายใต้ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 โดยให้ความสำคัญในการเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัว และมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของทุกท่านให้มีความปลอดภัย คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ให้ใช้กับข้อมูลส่วนบุคคลของ ผู้เข้าใช้บริการอาคารและสถานที่จอดรถของบริษัท เพื่อแจ้งและอธิบายให้ทราบว่า บริษัท เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร ข้อมูลใดบ้างที่บริษัทจัดเก็บ มีวัตถุประสงค์ใดในการประมวลผลข้อมูล มีการเปิดเผยข้อมูลของท่านอย่างไร มีมาตรการในการรักษาปกป้องข้อมูลของท่านอย่างไร รวมถึงสิทธิตามกฎหมายของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1.  คำประกาศนี้มีผลบังคับใช้กับใครบ้าง

คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวนี้ใช้เฉพาะ ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้แลกบัตร รับบัตรจอดรถ
(ซึ่งต่อไปนี้ เรียกว่า “ท่าน”) เพื่อเข้าใช้บริการอาคารและสถานที่จอดรถของบริษัท ได้แก่ อาคาร
ธนิยะทาวเวอร์ เอ ธนิยะ เอเทรียม, อาคารจอดรถญาดา, ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์, เมย์แฟร์ การ์เด้น อพาร์ทเม้นท์, โรงแรมการ์ดีน่า อโศก, โรงแรมสปริงฟิลด์ แอท ซี รีสอร์ท แอนด์ สปา, โรงแรมสปริงฟิลด์ วิลเลจ กอล์ฟ แอนด์ สปา และสนามกอล์ฟสปริงฟิลด์ รอยัล คันทรี คลับ (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “อาคารและสถานที่จอดรถ”) เท่านั้น

2.  คำนิยาม

    2.1 กลุ่มบริษัทธนิยะ

           กลุ่มบริษัทธนิยะ หมายถึง บริษัท ธนิยะ จำกัด บริษัท ธนิยะ เรียลเอสเตต จำกัด บริษัท ญาดา
ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด บริษัท ภัทรา จำกัด บริษัท ธัญวิลล์ จำกัด บริษัท สปริงฟิลด์ โฮลดิ้ง จำกัด
บริษัท สปริงฟิลด์ แอท ซี จำกัด บริษัท สปริงฟิลด์ รอยัล คันทรีคลับ จำกัด บริษัท ธนิยะ เมดิคอล เซนเตอร์ จำกัด บริษัท ธนิยะ เดนทอล เซนเตอร์ จำกัด และรวมถึงบริษัทอื่น ๆ  ที่อยู่ภายในเครืออีกด้วย

     2.2 ข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data)

ข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Email) เลขประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ภาพเคลื่อนไหว ทะเบียนรถ เป็นต้น แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ที่ถึงแก่กรรม

     2.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data)

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนดเป็นการเฉพาะ เช่น เชื้อชาติ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ (Biometric) หรือข้อมูลอื่นใดในทำนองเดียวกันที่กฎหมายกำหนด ซึ่งบริษัท ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยบริษัท จะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ต่อเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัท มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามที่กฎหมายอนุญาต

กรณีบริษัท ได้รับบัตรประจำตัวประชาชนของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตน
ผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครองรถ หรือในการสมัครสมาชิกหรือแจ้งเข้าใช้หรือรับบริการอาคารและสถานที่จอดรถ กับบริษัท ข้อมูลที่ได้รับจะมีข้อมูลศาสนา และอาจมีข้อมูลหมู่โลหิตปรากฎอยู่ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) บริษัทไม่มีนโยบายจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวจากท่าน ยกเว้นในกรณีที่บริษัทได้รับความยินยอมจากท่าน ทั้งนี้บริษัท จะกำหนดวิธีการจัดการตามแนวทางปฏิบัติและเป็นไปตามที่กฎหมายอนุญาต

3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม

บริษัท ได้จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็น ตามวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูล ซึ่งจำแนกประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท จัดเก็บไว้ ดังนี้

 

ตารางแสดงการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล     รายละเอียด

     ข้อมูลส่วนบุคคลพื้นฐาน                 หมายเลขแผ่นป้ายทะเบียนรถ ยี่ห้อ รุ่นของรถ สี รุ่น ปี รูปถ่าย หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งปรากฏบน บัตรประจำตัวประชาชน ใบอนุญาตขับรถ หนังสือเดินทาง (Passport) หรือเอกสารทางราชการอื่น ๆ ที่สามารถใช้ยืนยันตัวบุคคลได้

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว  ไม่จัดเก็บ

ข้อมูลอื่นๆ                              เช่น ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด การบันทึกวิดีโอที่จอดรถของบริษัท เสียงที่บันทึกจากจุดไม้กั้นหรือเครื่องรับชำระเงิน วันและเวลาที่ท่านเข้าออกจากพื้นที่จอดรถของบริษัท หรือข้อมูลการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจอดรถของท่าน

  1. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท มีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าใช้บริการอาคารและสถานที่จอดรถ จากแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลดังนี้

     4.1 ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง

จากการเข้าใช้บริการอาคารและสถานที่จอดรถโดยตรงซึ่งจะมีการบันทึกหมายเลขทะเบียนขณะท่านเข้าใช้บริการ และจากการสมัครสมาชิกเพื่อจอดรถ และจากการตรวจสอบยืนยันการเป็นผู้ครอบครองหรือผู้ถือกรรมสิทธิ์ ในกรณีบัตรจอดรถสูญหาย

     4.2 ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น

บริษัท อาจรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งอื่น เช่น จากบริษัทของท่านสำหรับทำบัตรจอดรถให้แก่พนักงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการติดตามการโจรกรรมรถ หรือตามที่กฎหมายได้กำหนด

     4.3 ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สาม

บริษัท อาจได้รับข้อมูลบุคคลที่สามที่มีความเกี่ยวข้องกับท่านโดยท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลกับบริษัท เช่น
ทะเบียนรถ หรือผู้ถือกรรมสิทธิ์และผู้ครอบครองรถ ซึ่งข้อมูลของบุคคลดังกล่าวปรากฏในเล่มทะเบียนรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ รวมถึงสำเนาของเอกสารดังกล่าว ซึ่งบริษัท ใช้ข้อมูลเพื่อตรวจสอบในกรณีบัตรจอดรถสูญหาย ทั้งนี้เพื่อป้องกันการโจรกรรมรถ อันเป็นประโยชน์กับท่าน โปรดแจ้งคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้แก่บุคคลที่สามดังกล่าว เพื่อให้รับทราบคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของบริษัท และขอความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวหากจำเป็น เว้นเสียแต่ว่ามีข้อกำหนดทางกฎหมายอื่นตามกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามให้กับบริษัท โดยไม่ต้องขอความยินยอม

5. ฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท ดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยมีวัตถุประสงค์ภายใต้ฐานในการประมวลผลข้อมูล ดังต่อไปนี้

     5.1 ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

         เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล ซึ่งจะไม่ละเมิดสิทธิพื้นฐาน หรือสิทธิ ทางเสรีภาพของท่าน

     5.2 การปฏิบัติตามสัญญา (Contractual Basis)

เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาในการเข้าใช้บริการอาคารและสถานที่จอดรถของบริษัท ซึ่งมีสิทธิและหน้าที่พึงปฏิบัติต่อกันตามระเบียบการใช้อาคารและสถานที่จอดรถ และตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้

     5.3 ความยินยอม (Consent)

          บริษัท จะขอความยินยอมจากท่าน กรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้ขอความยินยอม หรือบริษัท ไม่มีเหตุให้ใช้ฐานการประมวลผลข้างต้นเพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมมาจากท่านได้

 

  1. วัตถุประสงค์ในการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล)

บริษัท ดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

 

ตารางแสดงวัตถุประสงค์ในการประมวลผล

ประเภทข้อมูล                                                    วัตถุประสงค์ในการประมวลผล

หมายเลขป้ายทะเบียนรถยนต์ /                 เพื่อตรวจสอบการเข้าใช้บริการ

รถจักรยานยนต์                                    เพื่อความปลอดภัย

รูปถ่าย                                              เพื่อประโยชน์สาธารณะในการปกป้องท่าน หรือบุคคลอื่นในพื้นที่จอดรถ

ชื่อ นามสกุล เพศ                                  เพื่อตรวจสอบและยืนยันการเป็นเจ้าของ

รูปถ่าย ส่วนสูง วันเดือนปีเกิด                   หรือผู้ครอบครองรถ

ข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน                   ในกรณีบัตรจอดรถสูญหาย

ข้อมูลใบอนุญาตขับรถ                                    หรือเหตุอื่นใดที่ต้องยืนยันการเป็นเจ้าของดังกล่าว

ข้อมูลหนังสือเดินทาง (Passport)

เอกสารทางราชการอื่น ๆ

สำเนาทะเบียนรถยนต์

สำเนาทะเบียนรถจักรยานยนต์

หมายเลขโทรศัพท์                                 เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสาร

7. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจมีการเปิดเผยหรือนำส่งให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ภายในบริษัท หรือหน่วยงานภายนอก ดังนี้

     7.1 ภายในบริษัท

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจมีการเปิดเผยหรือนำส่งให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ภายในบริษัท เฉพาะที่เกี่ยวข้องและมีบทบาทหน้าที่เท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์เท่านั้น โดยบุคคลหรือทีมงานของบริษัทจะได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามความจำเป็นและเหมาะสม

     7.2 ภายนอกบริษัท

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจมีการเปิดเผยหรือนำส่งให้กับองค์กรภายนอก ดังนี้

7.2.1 หน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานอัยการ ศาล หรือ เจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ ที่มีอำนาจตามกฎหมาย

7.2.2 องค์กรหรือบุคคลภายนอก บริษัท อาจเปิดเผยข้อมูลของท่าน ให้กับองค์กรหรือบุคคลภายนอกที่มีวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อก่อตั้งสิทธิตามกฎหมาย รวมถึงผู้ให้บริการระบบควบคุมลานจอด (Car Park System) และบริษัทรักษาความปลอดภัย เป็นต้น

8. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

บริษัท อาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้รับข้อมูลอื่น เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อจัดเก็บไว้บน Server หรือระบบคลาวด์ (Cloud) ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยบริษัท จะพิจารณาให้มั่นใจได้ว่าประเทศปลายทางนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามที่กฎหมายกำหนด

  1. การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องตามคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ทั้งนี้บริษัทอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้น หากมีกฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้

ทั้งนี้ บริษัท จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว

10. บริษัท คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร

บริษัท จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดี ทั้งด้านการบริหารจัดการ (Administrative Safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (Technical Safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (Physical safeguard) เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัท ได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้รับข้อมูลไปจากบริษัท ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลนอกวัตถุประสงค์ หรือโดยไม่มีอำนาจหรือโดยมิชอบ และบริษัท ได้มีการปรับปรุงนโยบาย ระเบียบและหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นระยะตามความจำเป็น และเหมาะสม นอกจากนี้ผู้บริหาร พนักงาน ผู้รับจ้าง ตัวแทน
ที่ปรึกษา และผู้รับข้อมูลจากบริษัท มีหน้าที่ต้องรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความลับที่บริษัทกำหนด

11. สิทธิของเจ้าของข้อมูล

สิทธิในส่วนนี้หมายถึงสิทธิตามกฎหมายที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งท่านอาจขอใช้สิทธิเหล่านี้กับบริษัท ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดและกระบวนการจัดการสิทธิของบริษัท

     11.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม

หากท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่

     11.2 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัท เปิดเผยว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นได้มาอย่างไรโดยปราศจากความยินยอมของท่าน

     11.3 สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัท ได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรงเว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

     11.4 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูล

ท่านมีสิทธิขอคัดค้านในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลอื่น หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน  หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันการปฏิบัติตามกฎหมาย  หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี

     11.5 สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้  หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว

     11.6 สิทธิในการขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล หรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน

     11.7 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัท แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หากท่านเป็นพนักงานหรือบุคลากรปัจจุบันของบริษัท ท่านสามารถปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามขั้นตอนดำเนินการของบริษัท

 

     11.8 สิทธิร้องเรียน

ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อหน่วยงานผู้มีอำนาจ หากท่านเชื่อว่า การเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โปรดติดต่อบริษัท หรือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)

12. การเปลี่ยนแปลงคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว

บริษัท จะทำการพิจารณาทบทวนคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติ และกฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว บริษัท จะแจ้งให้ท่านทราบโดยการประกาศข้อมูลลงในเว็บไซต์ของบริษัท

13. ช่องทางการติดต่อบริษัท

หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงการขอใช้สิทธิตามคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัท ผ่านช่องทางดังนี้

 

         บริษัท ธนิยะ จำกัด

เลขที่ 52 ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500

เว็บไซต์ของบริษัท                         http://www.thaniyagroup.com/

หมายเลขโทรศัพท์                 02-231-2244

14. ติดต่อหน่วยงานผู้มีอำนาจ (Appropriate Authority)

หากท่านต้องการรายงานเรื่องร้องเรียน หรือหากท่านรู้สึกว่าบริษัท ไม่ตอบข้อกังวลของท่านในลักษณะที่น่าพึงพอใจ ท่านสามารถติดต่อและ/หรือร้องเรียนต่อ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ได้ตามรายละเอียดด้านล่าง

         สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)

หมายเลขโทรศัพท์                 02-142-1033

จดหมายอิเล็กทรอนิกส์            pdpc@mdes.go.th

เว็บไซต์                                     https://www.mdes.go.th/mission/82

Facebook                           https://www.facebook.com/pdpc.th

ไปรษณีย์                             เลขที่ 120 หมู่ 3 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B)

ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง

เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210

Back to top